7. ราคาสินค้าส่วนใหญ่ครับ
เช่น ตามร้านสะดวกซื้อ จะมี 2 ราคาติดอยู่ คือ ราคาน้อย กับ
ราคามาก ตอนแรกผมคิดว่า จ่ายราคาน้อยครับ เพราะคิดว่าน่าจะลดราคา
แบบห้างแบบบ้านเรา 555+ จริงๆแล้ว ต้องจ่ายราคาที่มากกว่าครับ-_-
เพราะว่าเป็นราคาที่รวมภาษีแล้ว และถ้าเข้าร้าน 100 เยน จริงๆแล้วเราต้องจ่าย 108 เยนครับ
บวกภาษีมูลค่าเพิ่มอีก 8 เปอร์เซ็นต์
8. แต่ถ้าเราซื้อสินค้าที่สามารถใช้หมดไปได้
เช่น อาหาร เครื่องสำอาง มากกว่า 5000 เยน หรือ
ซื้อสินค้าทั่วไป มากกว่า 10000 เยน
จะสามารถทำเรื่องขอคืนภาษีได้ครับ เราจะได้จ่ายในราคาน้อยกว่า
ตามป้ายราคาที่บอกไว้ ตอนนี้สามารถทำเรื่องของคืนภาษีใน 7-11 ได้แล้วนะครับ แต่ถ้ากรณีอื่นให้หาร้านที่เขียนว่า Tax Free Shop
9. ถ้าจะไปนิกโก
บริเวณมรดกโลก แล้วถือบัตร JR เข้ามา ให้ซื้อ Heritage
Bus Pass ด้วยนะครับ ราคา 500 เยน
สามารถขึ้นลงได้ไม่จำกัดตลอด 1 วัน ซื้อได้ที่ สถานีรถไฟ
(ซื้อบนรถเมล์ไม่ได้นะครับ) คุ้มกว่าประมาณ 100 เยน
10. ถ้าใครที่จะขึ้นเครื่องที่นาริตะ ตอนเช้า
แนะนำให้ไปนอนที่โรงแรมแถวสนามบินนาริตะครับ หรือนอนที่สนามบินก็ได้
(ได้ข่าวว่ามีโรงแรมเหมือนกัน ชื่อว่า 8-hour Narita เป็นแบบแคปซูล)
11. ไฟของที่นี่ ใช้ไฟ 100-110
โวลต์ ต่างจากบ้านเราที่ใช้ 220 โวลต์
แต่ไม่ต้องกังวลครับ เครื่องใช้ไฟฟ้าส่วนใหญ่ เช่น ที่ชาร์จ i-phone สามารถใช้ได้ แต่มีข้อควรระวังคือ ถ้าจะซื้อเครื่องใช้ไฟฟ้าในญี่ปุ่น
ให้ตรวจสอบให้ดีว่าใช้ไฟ 220 โวลต์ได้มั้ย
ส่วนในเรื่องของน้ำ โรงแรมส่วนใหญ่ ไม่มีน้ำขวดให้ครับ แต่มีกาต้มน้ำให้
ผมมีวิธีประหยัดค่าน้ำคือ ใช้น้ำก๊อกมาต้ม แล้วใส่ขวด (จริงๆก็กินเลยก็ได้ครับ แต่
safety first ไว้ก่อน)
12. ใครที่ต้องหาซื้อขนมญี่ปุ่นราคาถูกๆ
ผมมีที่แนะนำครับ นั่นก็คือ ห้าง Takeya
นั่นเอง
มีขนมขายในราคาถูกมาก มันฝรั่งทอดที่ผมซื้อในร้าน 100 เยน ที่นี่ขายในราคา 68 เยน นอกจากนี้ยังมี ของสด ร้านขายยา ครีม เครื่องเขียน ฯลฯ เดินทั้งวันก็ยังไม่หมดเลยครับ ที่สำคัญสามารถทำเรื่องขอคืนภาษีได้ด้วย
ห้างอยู่ไม่ไกลจากสถานี
Okachimachi
ครับ
แล้วถ้าใครยังช้อปไม่หนำใจให้เดินย้อนกลับมาทางเดิมแล้วเดินเลยสถานีมานิดหนึ่ง
ก็จะเห็นถนน อะเมะโยโกะ อันโด่งดังครับ สามารถเข้าไปจนสุดถนนที่ สถานีรถไฟ Ueno
เลย